ทำความรู้จักกับ Spread,ฺBid,Ask

ค่าสเปรด(Spread) คือ

 Spread คือ ค่านายหน้าหรือค่าคอมมิชชันที่่โบรกเกอร์เก็บจากเราเมื่อเราเปิดออเดอร์ Buy,Sell

 ตัวอย่าง : เราเทรดคู่สกุลเงิน EURUSD เมื่อเห็นว่ากราฟกำลังมีทิศทางขาลงก็เลยเปิดออเดอร์ Sell หลังจากเปิดออเดอร์พบว่า กำไรจะติดลบก่อนเสมอ นี่คือค่านายหน้าที่โบรกเกอร์

ได้จากเรา เมื่อกราฟวิ่งถูกทางกับออเดอร์ที่เปิดไว้ พบว่า ตัวเลขติดลบในออเดอร์นั้นจะค่อยๆ ลดลงจนกลายเป็นศูนย์ และเริ่มเป็นบวกเมื่อกราฟวิ่งเลยเส้นเปิดออเดอร์ จากนี้ให้ไปเริ่ม

จับจ้องปิดออเดอร์เก็บกำไร

ค่า Spread ดูจากตรงไหน?

 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องจ่ายค่าสเปรดเท่าไหร่ ให้เราเปิดโปรแกรมเทรดขึ้นมาครับ                

ตัวอย่าง : เป็นโปรแกรมยอดนิยมอย่าง MT4 เมื่อเราเข้าไปที่คำสั่งเปิดออร์เดอร์ เราจะ

เห็นค่า Bid กับ Ask ครับ ให้นำ Bid และ Ask มาหักลบกัน ก็จะได้เป็น Spread

การคำนวณ Spread

  • Spread สามารถคำนวณได้จากโดย นำราคา Ask ไปลบกับราคา Bid
  • โดยเปิดแถบ Market Watch ในโปรแกรม Metatrader ขึ้นมา

” Bid ซ้าย Ask ขวา ” 

Bid คือราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้กับเราเมื่อต้องการเปิดออร์เดอร์ Buy ซึ่งก็คือตัวเลข

ฝั่งซ้าย

Ask คือราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้กับเราเมื่อต้องการเปิดออร์เดอร์ Sell ซึ่งก็คือตัวเลขฝั่งขวา

   ตัวอย่าง เช่น หากต้องการจะเปิดออร์เดอร์ USDJPY นี้ จะได้ว่า

110.796 – 110.776 = 0.020 ซึ่งก็คือ 2 Pip หรือ 20จุดนั่นเอง

แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เรายังต้องเอามาคูณกับ Lot ต่อด้วย

     ตัวอย่าง เช่น หากเราเปิดออร์เดอร์นี้ด้วยขนาด Lot 1.00  เราสามารถคำนวณได้ดังนี้

Pip x จำนวณ Lot x Pip value = เงินค่าสเปรดที่เราต้องจ่าย

แทนค่าลงไป จะได้ว่า

 2 pip x 1.00 x 10 (มูลค่าของ pip ในพอร์ตประเภท Standard) = 20 USD

ค่าสเปรดที่เราต้องเสียให้โบรกเกอร์ในการเปิดออร์เดอร์นี้ ก็คือ 20 ดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง

    ข้อสังเกต อย่างหนึ่งก็คือ คู่เงินที่สภาพคล่องสูงในตลาดฟอเร็กซ์ มักจะมีค่าสเปรดที่ต่ำกว่าคู่สกุลเงินที่สภาพคล่องน้อยกว่า 

ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread แบบไหน

        หากชอบเทรดแบบเก็บกำไรสั้นๆ (Scalping)

      การเลือกโบรกเกอร์ Spread ต่ำที่สุด อาจทำให้คุณได้เปรียบมากกว่า

     *ตัวอย่าง

  • ตั้ง Take Profit 10 Pips > เสีย Spread ไป 2 Pip
  • จากที่คุณจะได้กำไร 100$ แต่คุณเหลือเพียง 80$ เพราะโดน Spread หักไป 20%
  • ังนั้นหากคุณเลือกโบรกเกอร์ที่ Spread ต่ำแบบ 1.0 Pip กรณีดังกล่าว คุณจะได้กำไร 90$ (สูงขึ้น 10%)

       กชอบเทรดแบบเก็บกำไรยาวๆ (Take Profit เกิน 100 Pip)

  • การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Promotion แต่ Spread สูง อาจทำให้คุณได้เปรียบมากกว่า
  • เพราะ Spread ที่สูงนั้น แทบจะไม่ได้มีผลกระทบต่อกำไรของคุณ หากคุณเทรดในระยะยาว
  • ซึ่งเมื่อคิดสัดส่วน เป็นเปอร์เซ็นแล้ว Spread มีผลกระทบที่ต่ำมาก
  •      *ตัวอย่าง
  • ตั้ง Take Profit 100 Pips > เสีย Spread ไป 2 Pip = เหลือกำไร 98$
  • ตั้ง Take Profit 100 Pips > เสีย Spread ไป 1 Pip = เหลือกำไร 99$

เห็นได้ชัดว่าการเทรดแบบยาว ตั้ง TP สูงๆนั้น , Spread แทบจะไม่ได้มีผลกระทบเลย

เมื่อบวกลบแล้ว Spread คิดเป็นเพียง 1-2% ของผลกำไรที่คุณได้รับ

สิ่งที่คุณได้มา คุ้มค่ามากกว่าคือ Promotion จากโบรกเกอร์ เช่น Promotion โบนัสเงินฝาก 30%

มันจะช่วยให้คุณมีเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น โอกาสทำกำไรก็ยิ่งสูงขึ้น

คุณอาจลองตัดสินใจเปรียบเทียบ Promotion ของโบรกเกอร์ต่างๆด้วยตัวเองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามคุณต้องให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่จดทะเบียน ของโบรกเกอร์นั้นๆด้วย