Forex คืออะไร? เทรดฟอเร็กซ์รวยเร็วจริงหรือ? ทำไมถึงมีคนพูดถึงมากมาย? ปัจจุบันนักลงทุน ในประเทศไทย เริ่มหันมาสนใจกันมาขึ้นสำหรับ การลงทุนในตลาด Forex มาเริ่มทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กัน
Forex คืออะไร
Forex (Foreign Exchange) คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยราคานั้นจะแปรผันตาม demand และ supply ของแต่ละสกุลเงิน ซึ่งทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการประกาศตัวเลขสำคัญ ๆ ของแต่ละประเทศ เช่น อัตราการว่างงาน เป็นต้น
เราสามารถสรุปลักษณะเด่นของตลาด Forex ได้ดังต่อไปนี้
- เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ การซื้อขายเริ่มตั้งแต่ตลาดเปิดทำการตอนเช้าในออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรปและจนจบวันทำการของอเมริกา
- มีสภาพคล่องสูง เพราะมีคนซื้อ และคนขายจำนวนมาก ทำให้ปริมาณการซื้อขายสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่น ๆ
- มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรามีความอ่อนไหวมากต่อปัจจัยรอบตัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะใช้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน ก็อาจจะขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
- ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ในหนึ่งคู่สกุลเงิน นักลงทุนสามารถเปิดได้ทั้งสถานะซื้อ หรือขาย โดยเปิดสถานะซื้อหากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น และเปิดสถานะขายหากคาดว่าราคาจะลดลง
- ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างกำไรได้สูงด้วย leverage แต่ในทางตรงข้าม leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงมากเช่นกัน
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น มีหลายโบรกเกอร์ไม่คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่จะคิดค่าบริการจากส่วนต่างราคา bid / ask หรือที่เรียกว่า spread โดยคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากจะมี spread แคบ
วิธีเทรด Forex ทำยังไง ?
ตัวอย่างการซื้อ-ขาย Forex เช่น หากเราซื้อสกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.5 หมายความว่า เรานำเงิน USD จำนวน 1.5 เหรียญไปซื้อเงิน EUR จำนวน 1 เหรียญเก็บไว้ (จำไว้ว่าสกุลเงินด้านหน้าจะมีค่าเป็น 1 เสมอ)
หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เปลี่ยนเป็น 1.8 นั่นแสดงว่า หากเราเอาเงินไปแลกคืน จะทำให้ได้กำไร 0.3 เหรียญ (1.8-1.5) ตรงกันข้าม ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง EUR/USD ลดลง ก็จะทำให้เราขาดทุนนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง โดยการเลือกคำสั่งซื้อ-ขาย ซึ่งมี 2 คำสั่ง ได้แก่
1. Long หรือ Buy
เป็นคำสั่ง “ซื้อ” หมายถึงการสั่งซื้อสกุลเงินเก็บไว้ เพื่อรอเวลาที่ราคาสูงขึ้น เช่น เราจะซื้อสกุลเงิน EUR/USD เก็บไว้ เพราะเชื่อว่าในอนาคตค่าเงิน EUR จะแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงิน USD
2. Short หรือ Sell
เป็นคำสั่ง “ขาย” หมายถึงการขายสกุลเงินนั้นออกไป เพื่อรอซื้อกลับมาในเวลาที่ราคาต่ำลง โดยเราจะเลือกคำสั่ง Shot หรือ Sell สกุลเงิน EUR/USD ก็ต่อเมื่อเชื่อว่าในอนาคตค่าเงิน EUR จะอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงิน USD
สรุปแล้วก็คือ เราจะ “ซื้อ” สกุลเงินก็ต่อเมื่อเราเชื่อว่าตลาดเป็นช่วงขาขึ้น ทำให้สกุลเงินนั้นมีโอกาสแข็งค่ามากกว่านี้ และเราจะ “ขาย” สกุลเงิน เมื่อเห็นว่าตลาดเป็นช่วงขาลง ทำให้สกุลเงินนั้นอาจจะอ่อนค่าลงไปได้
Forex เทรดสกุลเงินอะไรได้บ้าง ?
เราสามารถซื้อ-ขายคู่สกุลเงินในตลาด Forex ได้แทบจะทุกสกุลเงินทั่วโลก ซึ่งมีกว่า 200 คู่สกุลเงิน รวมถึงเงินบาทไทย (BTH) ก็สามารถเทรดในตลาด Forex ได้เช่นกัน แต่สกุลเงินหลัก ๆ ที่คนนิยมเทรดกันในตลาดจะมีเพียงไม่กี่สกุลเงิน เฉพาะสกุลเงินหลักของโลกที่มีสภาพคล่องสูงเท่านั้น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ (GBP), เยนญี่ปุ่น (JPY) และ ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)
Forex จะขึ้นหรือลง เกิดจากสาเหตุอะไร ?
แน่นอนคงไม่มีใครตอบได้ 100% ว่าตลาดต่อจากนี้จะเป็นขาขึ้นหรือขาลง แต่เราสามารถวิเคราะห์แนวโน้มคร่าว ๆ ได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะส่งผลอะไรต่อตลาด ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับตลาด Forex ก็มีทั้ง
– เศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ
– นโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง
– งบการค้าระหว่างประเทศ
– ความมั่นคงทางการเมือง
– นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
– ความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงความคาดหวังและข่าวลือต่าง ๆ
– การเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนรายใหญ่
เล่น Forex รวยเร็วจริงไหม มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง
เล่น Forex รวยเร็วจริงไหม บอกเลยว่าจริง แต่ก็ทำให้เราขาดทุนมหาศาลอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน เพราะจุดเด่นของตลาด Forex คือ ทำกำไรได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง แถมยังทำกำไรอย่างรวดเร็ว ด้วยเงินจำนวนไม่มาก ซึ่งก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน
ขณะเดียวกัน Forex ยังมีข้อดีอีกอย่างคือ มีสภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายเร็ว เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก มีมูลค่าซื้อ-ขายต่อวันสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น NYSE ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ส่วนข้อเสียของ Forex หลัก ๆ ก็ยังคงเป็นเรื่องความเสี่ยงที่สูงมาก อาจทำให้หมดตัวได้ในชั่วพริบตา รวมถึงยังไม่มีโบรกเกอร์ในไทย เพราะการเล่น Forex นั้น ยังไม่มีการรองรับอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย ทำให้มีโอกาสถูกหลอกได้หากเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีมาตรฐาน
สรุปแล้วเราจะพบว่า Forex ก็เหมือนการลงทุนทุกประเภทที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่อมีคนได้กำไร ก็ย่อมมีผู้ที่ขาดทุนเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเข้าเทรดในตลาด Forex ควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น วิธีการซื้อ-ขาย เครื่องมือต่าง ๆ รวมทั้งความรู้พื้นฐานด้านการลงทุน เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างแท้จริง